ป้ายกำกับ: ข่าวกีฬา
- 0
เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ นี่คือคำที่ใช้ได้จริงในโลกฟุตบอล
เพราะเรื่องราวของทีมบาร์เซโลน่า ในยุคที่มีโรนัลดินโญ่ กับ ลีโอเนล เมสซี่ นั้นได้เกิดขึ้นมาแล้ว เพราะยุคก่อนที่จะมี ลีโอเนล เมสซี่ นั้น โรนัลดินโญ่ คือนักเตะมหัศจรรย์ ที่ทีมบาร์เซโลน่ามีอยู่ เพราะเค้านั้นสามารถสร้างปรากฎการณ์ การเล่นฟุตบอลที่ดูเพลินตาและพาทีมกวาดแชมป์มานับไม่ถ้วน โดยเจ้าเหยินน้อยนั้น ได้ย้ายทีมมาจาก ปารีส แซงแชร์แมงค์ ในลีกฟุตบอลฝรั่งเศสในวัยยี่สิบสามปี และที่นี่เองที่สตาร์คนนี้ฉายแสงออกมา และได้มีโอกาสได้ย้ายมาสู่บาร์เซโลน่า แม้ในฤดูกาลแรก บาร์เซโลน่า กับ โรนัลดินโญ่ จะไม่มีถ้วยแชมป์ติดมือ
แต่หลังจากนั้น โรนัลดินโญ่ ก็โชว์เพลงเตะเริงระบำแซมบ้าคลาสสิก และยึดบทบาทจอมทัพ ควบพาทีมบาร์ซ่า คว้าแชมป์มากมาก แต่ในขณะเดียวกับในชุดเยาวชน มีเด็กน้อยอายุวัยเพียงสิบหกปี ก็โชว์เพลงเตะสไตล์อเมริกาใต้เหมือนกัน จนทำให้เมสซี่ ได้มีโอกาสขึ้นมาเล่นชุดใหญ่
และนั่นเองที่เป็นจุดเริ่มต้นของเสือสองตัว โดยวันแรกที่เหยินน้อย ได้พบกับเมสซี่ และได้ร่วมลงเล่นในสนามฝึกซ้อมเดียวกัน เหยินน้อย ได้กล่าวไว้ว่า เจ้าเด็กคนนี้คือคนที่จะมาควบตำแหน่งจอมทัพของบาร์เซโลน่าคนต่อไปและเค้าจะเก่งกว่าผมนี่เอง และเกมเป็นทางการครั้งแรกของเมสซี่ นั้นก็เป็นเหยินน้อยนี่แหละที่ถวายจ่ายพานให้กับเมสซี่ ยิงประตูแรกในสีเสื้อบาร์เซโลน่าชุดใหญ่ ซึ่งตลอดเวลาทีร่วมเล่นด้วยกัน เหยินน้อยเปรียบเสมือนเพื่อนและพี่ชายที่คอยรับส่งและไปสนามซ้อมด้วยกันเสมอ ซึ่ง ณ เวลานั้นไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่า เหยินน้อย คือนักฟุตบอลหมายเลขหนึ่งของทีมบาร์เซโลน่า
และช่วงเวลานั้นด้วยวัยที่ต่างกันถึงแปดปี เมสซี่ ยังเหมือนเด็กที่รอคอยโอกาส โดยตลอดระยะเวลาที่ เหยินน้อย และเมสซี่ ร่วมเล่นกันตลอดสี่ปี ทั้งคู่พาทีมคว้าแชมป์มาสู่สโมสรบาร์เซโลน่าอย่างมากมาย แต่แล้วเวลาที่เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ก็มาถึง เพราะด้วยความสำมะเหร่เทเมาและชอบปาร์ตี้
นั่นคือสาเหตุที่สโมสรเริ่มมองถึงความไม่เหมาะสมที่จะเป็นตัวอย่างให้นักเตะอนาคตของสโมสรอย่าง เมสซี จะเริ่มทำตามและเอาแบบอย่าง จึงทำให้สโมสรเริ่มผลักดันเมสซี่ เข้ามาแทนที่ของเหยินน้อย ซึ่งสุดท้าย เหยินน้อย ก็ได้ย้ายไปสู่ ปีศาจแดงดำ อย่างเอซีมิลาน จนในที่สุดเมื่อไม่มีเหยินน้อยนั้น เมสซี่ เริ่มฉายแววความเป็นผู้นำมา และจอมทัพออกมาเต็มตัว นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงปัจจุบัน
- 0
นักเตะหลายๆคนที่มีโอกาสได้ขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ของสโมสร หรือได้มีโอกาสได้ไปเล่นกับสโมสรใหญ่กว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน หลายคนเมื่อได้รับโอกาสก็สามารถคว้าโอกาสนั้นไว้ได้
แต่อีกหลายคนเมื่อได้รับโอกาส ก็ไม่สามารถคว้าหรือเก็บรักษามาไว้ได้ เราลองมาดูกันว่ามีนักเตะคนไหนบ้างที่ไม่สามารถคว้าโอกาสนั้นได้
เคเซ่ โรวดิเกซ ซึ่งโดดเด่นมากในชุดเยาวชนก็ทีมราชันชุดขาวอย่างรีลมาดริด ในตำแหน่งกองหน้า จนได้รับโอกาสขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ ในช่วงที่ คาร์โล อันเชลอตติ คุมทีมอยู่ในยุคนั้น แต่แล้วด้วยความที่ทีมมาดริดนั้น เต็มไปด้วยเหล่าซุปเปอร์สตาร์ อย่างคาริม เบนเซม่า โรนัลโด้ อังเคล ดิมาเรีย หรือแม้แต่ อโวโร่ โมราต้า จึงไม่สามารถทำให้เบียดแย่งพื้นที่ตำแหน่งตัวจริงมาได้ จนสุดท้ายย้ายไปอยู่กับทีมปารีส แซงค์แชแมงค์ แต่ก็อีกน่ะหล่ะ เค้าไม่ประสบความสำเร็จ เลยต้องย้ายอีกครั้งไปอยู่ลาสพามัส ในลาลีก้า และสโต๊ก ในแชมป์เปี้ยนชิพ
คาลัม แชมเบอร์ กองหลังที่ได้รับการจับตามองว่าเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในสมัยค้าแข้งกับทีมเซาแธมป์ตัน จนได้รับโอกาสจาก อาแซน เวนเกอร์ กุนซือของปืนใหญ่ อาร์เซนอลในยุคนั้นซึ่งปีแรกนั้น แชมเบอร์ เล่นได้ดีมาก แต่พอมาปีที่สอง อาร์เซนอล ได้
แบ๊กขวา อย่าง เอคเตอร์ เบยาริน ฉายแววขึ้นมา จนเบียด แชมเบอร์ ลงไปนั่งม้านั่งสำรองได้สนิท
มาร์ติน โอเรนการ์ด เจ้าหนูจากทีมชาตินอร์เวย์ ซึ่งฉายแวว และโดดเด่นขึ้นมากับทีมอย่าง ฮีเรนวีน ในลีกฮอลแลนด์ จนถึงได้รับการขนานนามว่า นิวเมสซี่ เลยทีเดียว แต่เมื่อเค้าได้ย้ายไปอยู่รีลมาดริด ก็กลายเป็นที่ที่เค้าต้องไปนั่งตัวสำรองเหมือนนักเตะเก่งๆ คนอื่นๆ เพราะถ้าชื่อคุณไม่ได้บิ๊กเนม หรือเก่งแบบเทวดาจริงๆ นั้น คงยากที่จะเบียดซุปเปอร์สตาร์ของ รีลมาดริด ไปได้อย่างแน่นอน
แอนเดอร์สัน กองกลางทีมชาติบราซิล ซึ่งเคยฉายแวว ถึงขนาดได้รับการยกย่องว่าเป็น นิวโรนัลดินโญ่ จนได้โอกาส จากท่านเซอร์ อเล๊กซ์ เฟอร์กูสัน ดูดเข้าสู่รังผี แต่แล้วก็เหมือนกับ แอนเดอร์สัน ถูกฝังลงไปในหลุมยังไงยังงั้น เพราะตลอด หกปีที่ผ่านมา แอนเดอร์สัน ไม่หลงเหลือความเป็น นิวโรนัลดินโญ่ อีกเลย จนต้องถูกขายทิ้งไปในที่สุด
ปาโก้ อากาเซ่ เด็กปั้นจากสโมสรบาเลนเซีย และเคยติดทีมชาติเสปนชุดใหญ่มาแล้ว แต่เมื่อได้มีโอกาสย้ายไปสู่คัมป์นู แต่แล้วนั่นเหมือนการดับฝันของ อากาเซ่ เพราะที่นั่นมีทั้ง เมสซี่ ซัวเรซ และเนย์มาร์ จึงทำให้เค้าไม่ได้รับโอกาสเท่าที่ควร และถึงแม้ช่วงที่เนย์มาร์ ได้ย้ายออกไปแล้วนั้น ฟอร์มของเด็กหนุ่มคนนี้ก็ไม่หลงเหลืออีกแล้ว
- 0
หากพูดถึงชื่อนักเตะฟุตบอล ในตำแหน่งกองหลังที่เก่งๆ
นั้นคงมีอยู่มากมาย แต่ถ้าถามว่าแล้วที่เป็นสัญชาติอังกฤษหล่ะมีใครบ้าง หลายๆคน คงนึกไม่ค่อยออก เพราะกองหลังอังกฤษเก่งๆ นั้นค่อนข้างหายาก หลังจากหมดยุคของ โทนี่ อดัมส์ หรือ สตีฟ บรูซ แล้ว แต่ก็นั่นแหล่ะ ฟ้าไม่สิ้นคนดีหรือคนเก่ง สุดท้ายนักเตะอังกฤษ ในตำแหน่งกองหลังก็มีขึ้นมา นั่นก็คือ
ริโอ เฟอร์ดินานด์ สุดยอดกองหลังระดับตำนานอีกหนึ่งคนของสโมสร แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
ซึ่งใครจะเชื่อว่าก่อนที่เค้าจะมาเป็นนักเตะระดับนี้ ตัวริโอ เองนั้น เคยรับค่าแรงต่ำสุดอยู่ที่ ยี่สิบเก้าปอนด์ต่อสัปดาห์ แต่ด้วยความสามารถของเค้า เค้าก็ผลักดันตัวเองให้ก้าวเข้ามาอยู่ในระดับแนวหน้าได้ ซึ่งกว่าที่เค้าจะมาถึงจุดนี้ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ต้องเผชิญความยากลำบาก ด้วยต้นทุนชีวิต ที่ไม่มากนัก เพราะพื้นฐานครอบครัวของเค้าไม่ได้ร่ำรวย แต่ด้วยจุดนี้เอง ทำให้เค้ามีความพยายามและตั้งใจฝึกฝนตัวเองกับฟุตบอล
ด้วยความที่เป็นเยาวชนได้มีโอกาสเล่นที่เวสแฮมต์ จนได้ติดชุดเยาวชนทีมชาติอังกฤษ ซึ่งนั่นทำให้เค้ามีความหวังที่จะทำให้ชีวิตเค้าดีขึ้น จนอายุสิบเจ็ดปี เค้าได้ลงสนามเป็นตัวจริงกับเวส แฮมต์ และเค้าได้พิสูจน์ตัวเอง จนอายุสิบเก้าปี เค้าติดทีมชาติอังกฤษ จนไปเข้าตาแมวมองของทีมลีดส์ และเริ่มสามารถชื่อตัวเองกับทีม ยุคเด็กนรก ของลีดส์ ในยุคนั้นได้ ด้วยความที่ลีดส์
ยุคนั้นภายใต้การคุมทีม ของเดวิด โอเลี่ยรี่ ได้รวมสุดยอดดาวรุ่งไว้มากมาย อย่าง แฮรี่ คีเวลล์ รอบบี้ คีน ลีโบว์เยอร์ มาร์ค วิดูก้า โจนาธาน วู้ดเกต รวมถึงตัวเค้า ริโอ เฟอร์ดินาน ทำให้ทีมลีดส์ยุคนั้น ถูกตั้งฉายา ว่าเป็นทีมเด็กนรก เพราะด้วยผลงานที่สุดยอดของลีดส์ยุคนั้น ที่สามารถต่อกรกับทีมระดับหัวแถว อย่างแมนยู อาร์เซนอล หรือลิเวอร์พูลได้นั้น ทำให้ท่านเซอร์ อเล็กเฟอร์กูสัน ไม่รอช้า ดึงดาวรุ่งกองหลังคนนี้ เข้ามาสู่โรงละครแห่งความฝัน และที่นี่ คือที่ที่ ทำให้ ริโอ เฟอร์ดินาน เป็นสุดยอดกองหลังระดับตำนานของแมนยู
และทีมชาติอังกฤษอย่างแท้จริง เพราะเค้าสามารถพาทีมแมนยูเค้าแชมป์อย่างมากมาย โดยมีคู่หูระดับโลกที่เค้าร่วมเล่นด้วย ไม่ว่าจะเป็น ยาป สตัม หรือเนมันย่า วิดิช ซึ่งทำให้เค้ายกระดับตัวเค้าได้เป็นอย่างดี อีกทั้งในทีมชาติอังกฤษ เค้ายังเป็นสุดยอดเซ็นเตอร์แบ๊ก ที่ยืนปักหลักคู่กับ จอหน์ เทอรี่ รับใช้ สิงโต คำรามอย่างยาวนานเกือบสิบปี ซึ่งจะหานักเตะกองหลังที่เก่งได้ยากในยุคนี้ คงไม่ได้หาง่ายๆ อีกแล้ว